2023-10-24 13:05:09
จำนวนครั้งที่อ่าน : 228
ปัจจุบันมีวิธีการเลเซอร์จี้ไฝและจี้ขี้แมลงวันหลายวิธี มีความปลอดภัย ไม่ต้องพักฟื้น และมักไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายหากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ไฝ และ ขี้แมลงวัน คืออะไร เกิดจากอะไร?
ไฝและขี้แมลงวันเกิดจากเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ที่อยู่บริเวณผิวหนังชั้นกำพร้า เกิดการรวมตัวกันสร้างเม็ดสีที่มากจนผิดปกติเกิดเป็นตุ่มสีต่างๆ ตั้งแต่สีน้ำตาลไปจนถึงสีน้ำตาลดำ มักจะเกิดขึ้นกับคนผิวขาวมากกว่าผิวคล้ำ
ไฝอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลังได้ โดยไฝที่เกิดขึ้นตั้งกำเนิดจะมีลักษณะเป็นก้อนนูน บางคนอาจมีขนขึ้นบริเวณไฝด้วย
ส่วนไฝที่เกิดขึ้นภายหลังจะเรียกว่าขี้แมลงวัน มักจะมีขนาดเล็ก เรียบไปกับผิวหนัง มีทั้งสีน้ำตาลและสีดำ
ไฝ ขี้แมลงวัน อันตรายไหม?
ปกติแล้วไฝและขี้แมลงวันส่วนมากมักจะไม่มีอันตรายแต่ก็มีโอกาสที่ไฝจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งผิวหนังที่เรียกว่า เมลาโนมา (Melanoma) ได้
ไฝที่มีโอกาสเป็นมะเร็งส่วนใหญ่จะเป็นไฝที่มีลักษณะแตกต่างจากไฝทั่วไป หรือเป็นไฝที่เพิ่งเกิดใหม่หลังจากอายุ 30 ปี เพื่อเป็นการป้องกันจึงควรตรวจดูไฝที่เกิดขึ้นใหม่ทุก 2-3 เดือน รวมถึงสังเกตความเปลี่ยนแปลงของไฝที่มีอยู่ก่อนแล้วด้วย
ลักษณะไฝที่ควรระวัง
ลักษณะไฝที่เป็นสัญญาณเตือนของการเกิดโรคมะเร็งมีลักษณะ ดังนี้
Asymmetry ครึ่งหนึ่งของไฝมีลักษณะต่างจากบริเวณอื่น
Border ขอบเขตของไฝไม่สม่ำเสมอ เส้นขอบผิดปกติ หรือขอบเขตไม่ชัดเจน
Color ไฝที่มีสีดำหรือมีหลายสีในไฝเม็ดเดียว เช่น มีทั้งสีแทน สีดำ บางครั้งมีสีน้ำเงินหรือสีแดง
Diameter ไฝที่มีขนาดใหญ่กว่า 6 มิลลิเมตร
Evolving ไฝที่มีการเปลี่ยนแปลงของสี รูปร่าง ขนาด ที่โตเร็วผิดปกติหรือมีเลือดออก
การกำจัดไฝ และ ขี้แมลงวัน มีกี่แบบ?
คนส่วนใหญ่มักจะจี้เอาไฝออกเนื่องจากเป็นเรื่องของความสวยงามหรือความเชื่องทางโหราศาสตร์ต่างๆ โดยปัจจุบันการกำจัดไฝและขี้แมลงวันมีด้วยกันหลายวิธี ดังนี้
1. จี้ไฝด้วยเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser)
การจี้ไฝด้วยเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร เป็นคลื่นที่มีความแม่นยำสูงสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการยิงเลเซอร์ได้เฉพาะเจาะจง และได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
ข้อดีของการจี้ไฝด้วยเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ คือ เป็นวิธีที่ปลอดภัย แผลเล็กมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้น้อย สามารถกำจัดไฝหรือขี้แมลงวันได้ถาวร มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าวิธีอื่นๆ
2. จี้ไฝด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery)
การจี้ไฝด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าความถี่สูงเข้าไปทำลายเซลล์ไฝ เหมาะสำหรับผู้ที่มีไฝไม่ใหญ่มาก แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือรอยดำได้ชัดกว่าการจี้ไฝด้วยเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์
3. จี้ไฝด้วยความเย็น (Liquid Nitrogen)
การจี้ไฝด้วยความเย็น (Liquid Nitrogen) เป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็นจัดอุณหภูมิ -196 องศาจี้หรือพ่นลงไปที่ไฝ ทำให้อุณหภูมิของผิวหนังบริเวณนั้นลดลงอย่างรวดเร็วและเกิดเป็นน้ำแข็งช่วยให้ไฝฝ่อตัวและแห้งเป็นสะเก็ดหลุดออกไปได้
การดูแลตัวเองหลังจี้ไฝ
หลังจากทำเลเซอร์จี้ไฝและขี้แมลงวันเสร็จแล้วควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
* ควรเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผลประมาณ 24 ชั่วโมง
* ทาขี้ผึ้งฆ่าเชื้อจนครบ 7 วัน จนสะเก็ดแผลจะหลุดออกเห็นเป็นผิวสีชมพู
* ให้ทำแผลวันละ 2 ครั้ง โดยใช้น้ำเกลือเช็ดแผลให้สะอาด และทายาที่แพทย์ให้เพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อประมาณ 7 วัน
*เมื่อแผลแห้ง แผลเริ่มตกสะเก็ด ควรปล่อยให้แผลหลุดไปเอง ห้ามแกะเกาให้สะเก็ดหลุดเร็วขึ้นเด็ดขาด
* หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด เพราะอาจทำให้แผลดำคล้ำขึ้นได้ เมื่อแผลหายเป็นปกติแล้วควรป้องกันผิวด้วยการทาครีมกันแดด
* หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณที่ทำเลเซอร์จนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับสาระดีๆ ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ ท่านใด มีปัญหา ไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ติ่งเนื้อ กวนใจ สามารถเข้ามา ปรึกษา ตรวจผิว และ ทำการกำจัดด้วย CO2 laser ที่ ตรีชฎา-คลินิก จ.อุบลราชธานี นะคะ ... กำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ติ่งเนื้อ คิดถึงเรา
วันนี้ ลาไปก่อนนะคะ พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ 🙏🙏🙏
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com