2023-10-24 13:05:07
จำนวนครั้งที่อ่าน : 160
วันนี้ ตรีชฎา-คลินิก มีบทความเรื่องรอยดำรอยแดงจากสิว สาเหตุ และ การรักษา มาฝากกันนะคะ
รอยดำรอยแดงจากสิว เกิดจากอะไร?
บางคนคงสงสัยว่า ทำไม รอยสิว ที่เกิดจากสิวเหมือนกันถึงเป็นคนละสี ตรงแก้มเป็นรอยแดง แต่ตรงมุมปากกลับเป็นรอยดำ หาคำตอบสาเหตุของการเกิดรอยดำ และ รอยแดงจากสิว ทำไมรอยสิวจึงมีสีที่แตกต่างกัน
สาเหตุของการเกิดรอยแดง
รอยแดง (PIE PAR post acne erythema หรือ Post – Inflammatory Erythema) (PAR หรือ Post Acne Erythema ) ที่เกิดขึ้นในขณะที่เป็นสิว หรือหลังจากที่รักษาสิวหายแล้ว ส่วนใหญ่มักเกิดจากผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบจึงทำให้เกิดรอยแดง เมื่อผิวหนังเกิดการอักเสบทำให้กลไกภายในร่างกายเริ่มฟื้นฟูตัวเองโดยการลำเลียงเลือดไปยังบริเวณที่ผิวหนังเกิดการอักเสบ เพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์เนื้อเยื่อ ซึ่งทำให้หลอดเลือดที่อยู่ภายใต้ผิวหนังบริเวณที่เกิดกระบวนการฟื้นฟูขยายตัว ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดง ชมพู หรือสีม่วง
รอยแดงที่เกิดจากสิว หรือรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนัง สามารถหายไปเองโดยธรรมชาติได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานอาจหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน แต่ในปัจจุบันมีวิธีรักษารอยแดงจากสิวที่จะช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้รอยสิวหายเร็วยิ่งขึ้น แน่นอนว่าการรักษารอยแดงให้ถูกวิธีจะทำให้หน้าของคุณกลับมาเนียนใสได้
สาเหตุของการเกิดรอยดำ
รอยดำ (PIH หรือ Post – Inflammatory Hyperpigmentation) ส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบ หรือ การระคายเคืองของผิวหนัง และรอยดำสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการทำเลเซอร์ การลอกหน้า ซึ่งไปกระตุ้นเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ให้ผลิตเมลานิน (Melanin) ใน Keratinocytes มากกว่าปกติ ทำให้เกิดรอยดำบริเวณที่ผิวหนังเกิดการระคายเคือง หรือบริเวณที่ผิวหนังมีการอักเสบ เมื่อเมลาโนไซต์ผลิตเมลานินมากเกินไปจึงทำให้เกิดรอยดำหรืออาจจะเป็นสีอื่น ได้แก่ สีแทน สีน้ำตาล สีน้ำตาลเข้ม หรือ สีเทา
การรักษา รอยดำรอยแดงจากสิว มีอะไรบ้าง?
การรักษา รอยดำรอยแดงจากสิว มีหลายวิธี อาจใช้หลายวิธีร่วมกัน หากเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม จะทำให้รอยดำรอยแดงจางลง และเกิดผลไม่พึงประสงค์ต่อผิวน้อยที่สุดค่ะ
1.ยาทาลดรอยดำรอยแดง
เพื่อบรรเทารอยดำรอยแดงจากสิว แนะนำให้ใช้ยาทาภายนอกที่มีส่วนผสมของสาร ดังต่อไปนี้
1.Hydroquinone เป็นสารเคมีสามารถช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสีผิว มักนำมาใช้รักษาภาวะผิวหนังสร้างเมลานินมากผิดปกติจนกลายเป็นรอยดำ ฝ้า หรือกระ ในประเทศไทยสาร Hydroquinone ไม่ได้รับอนุญาตให้ผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่วางจำหน่ายทั่วไป จำเป็นต้องให้แพทย์สั่งจ่ายยาเท่านั้น เนื่องจาก Hydroquinone หากใช้เป็นเวลานานสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังหรือเกิดเป็นฝ้าถาวรได้
2.Tretinoin นอกจากจะช่วยรักษา สิวอุดตัน และสิวอักเสบได้แล้ว ยังสามารถยับยั้งกระบวนการผลิตเม็ดสีที่จะช่วยรักษารอยดำจากสิวได้ การใช้ยาทา Tretinoin มากเกินไปอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณผิวหนังที่ทาได้ ดังนั้นจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
3.Vitamin C cream วิตามิน ซี นอกจากจะช่วยลดการอักเสบแล้ว ยังช่วยป้องกันรอยแดงที่เกิดจากสิว และสามารถลดรอยแดงที่เกิดจากสิวได้ โดยที่วิตามินซีจะไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานินลดลง นอกจากนี้วิตามิน ซี ยังสามารถป้องกันรอยแดงที่เกิดจากรังสี UV ได้ด้วย
4.Arbutin อาร์บูติน เป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยสกัดมาจากพืชหลายชนิด ได้แก่ แบเบอร์รี่, แครนเบอร์รี่, มัลเบอร์รี่ และลูกแพร์ ทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ผิวให้ยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเมลานินเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดจุดด่างดำ และรอยดำจากสิว นอกจากนี้อาร์บูตินยังช่วยยับยั้ง Tyrosine และ DOPA ในกระบวนการ Oxidation ซึ่งกระบวนการ Oxidation นี้ส่งผลเสียหลายอย่างต่อผิวหนัง
5.Kojic acid กรดโคจิกสามารถพบได้ตามธรรมชาติ ผลิตจากเชื้อราที่ชื่อว่า Aspergillus oryzae ซึ่งกรดโคจิกมักใช้เป็นยารักษาฝ้า และช่วยลดจุดด่างดำ รักษารอยดำจากสิว นอกจากนี้กรดโคจิกสามารถยับยั้งการเปลี่ยนสีของผลไม้ที่ถูกตัดแบ่งไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (Oxidation browning) หรือ อาหารทะเลที่ผสมกับกรดชนิดนี้จะทำให้เนื้อของสัตว์ทะเลคงมีสีแดงอมชมพูได้นานขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่คอยยับยั้งและป้องกันการรวมตัวของเมลานินทั้งในพืชและสัตว์
6.Glycolic Acid กรดไกลโคลิค เป็นกรดผลไม้มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว สามารถลดรอยดำที่เกิดจากสิว ช่วยให้ฝ้า กระ จางลงทำให้ผิวกระจ่างใส และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
7.Niacinamide เป็นวิตามินอยู่ในกลุ่มวิตามินบี คอมเพล็กซ์ สามารถฟื้นฟูและบำรุงผิวได้อย่างครอบคลุม ช่วยลดเลื่อนจุดด่างดำ รอยดำรอยแดงจากสิวให้จางลง และปรับให้สีผิวดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้การใช้ยาทาเพื่อรักษารอยสิว ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์หรือฉลากที่ระบุไว้บนกล่อง และควรทาบางๆ เนื่องจากการทายารักษารอยสิวในปริมาณที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดการระคายเรื่องได้ และควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ใช้เอง
2.Laser
การรักษารอยดำรอยแดงจากสิวด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเลเซอร์สามารถรักษารอยแดงจากสิว รอยดำ และหลุมสิวได้ ทั้งยังปลอดภัยและไม่รู้สึกเจ็บมาก โดยเลเซอร์ที่ใช้รักษาจะไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดใหม่ เพื่อมาทดแทนรอยแผลเดิม ซึ่งเป็นการรักษารอยดำรอยแดงที่เกิดในบริเวณผิวชั้นบนและชั้นกลางเท่านั้น
นอกจากนี้การใช้เลเซอร์หรือการบำบัดด้วยแสง สามารถก่อให้เกิดรอยแดงหลังการรักษาได้ แต่รอยแดงที่เกิดจะค่อยๆจางหายไปเอง
3.Microneedling
เป็นการใช้เข็มขนาดเล็ก (Micro Neddle) จิ้มลงไปบริเวณใต้ชั้นผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน (Collagen & Elastin ) และช่วยให้ต่อมไขมันบริเวณที่จิ้มเข็มทำงานลดลง ซึ่งช่วยทำให้รูขุมขนกระชับ ลดรอยดำรอยแดง และช่วยให้จุดด่างดำดูจางลง วิธีนี้มีข้อดีคือไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงและไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน
4.Chemical peel
เป็นการใช้สารเคมีหรือกรดผลไม้ลอกผิว ทาบริเวณที่จุดด่างดำเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไป ทำให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ โดยวิธีนี้เป็นการลอกผิวชั้นตื้นๆ ช่วยทำให้สุขภาพผิวดีขึ้น และช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ น้ำยาที่ใช้ทำ Chemical peel ได้แก่ Glycolic acid, Salicylic acid และ Trichloroacetic acid ทั้งนี้ ความเข้มข้นของน้ำยาและสารเคมีที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และการพิจารณาของแพทย์
5.ทาครีมกันแดด
วิธีนี้เป็นการลดรอยสิวโดยธรรมชาติ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมประจำวัน ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน หรือหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยการสวมหมวก หรือใช้ร่มเพื่อบังแดด สำหรับครีมกันแดดแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 และ PA ++ หรือมากกว่า และควรเป็นครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนเท่านั้น เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่กระตุ้นให้รอยดำรอยแดงจากสิวชัดและเข้มมากขึ้น
การป้องกัน การเกิดรอยดำรอยแดงจากสิว
1 หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิวด้วยตนเอง
การกดบีบหรือกดสิวด้วยตัวสามารถทำให้ผิวหนังบริเวณที่โดนบีบเกิดการอักเสบได้ เมื่อผิวหนังเกิดการอักเสบจะทำให้เมื่อรักษาสิวหายแล้ว แต่จะทิ้งรอยดำรอยแดงไว้ นอกจากนี้การบีบหรือกดสิวด้วยตนเองมีโอกาสทำให้สิวลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียง ซึ่งหากมีการลุกลามเกิดขึ้นจะทำให้เป็นสิวมากขึ้น และแน่นอนว่ารอยสิวก็มากขึ้นเช่นเดียวกัน
2 หลีกเลี่ยงแสงแดด
เพราะแสงแดดเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดจุดด่างดำ รอยดำรอยแดงจากสิว เมื่อบริเวณที่เป็นสิวสัมผัสกับแสงแดดและรังสี UV จะกระตุ้นให้เกิดรอยดำได้ง่ายขึ้น ดังนั้นควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เนื่องจากครีมกันแดดสามารถป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสี UV ได้ ซึ่งครีมกันแดดที่แนะนำสำหรับประเทศไทย คือ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 และ PA ++ หรือมากกว่า
3 ทานอาหารที่มีประโยชน์
การทานอาหารที่มีประโยชน์สามารถช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้ นอกจากนี้ผักและผลไม้ยังช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังได้ด้วยเช่นกัน โดยสามารถเลือกทานผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
4 ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำ ต่อมไขมันจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมาเพื่อทดแทนน้ำที่ขาดไป ซึ่งไขมันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตัน เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินความจำเป็นทำให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขนและเป็นสิวในที่สุด เมื่อเป็นสิวทำให้มีโอกาสที่จะเกิดรอยดำรอยแดงจากสิวมากขึ้น ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และไม่ควรปล่อยให้ผิวแห้งเนื่องจากผิวจะผลิตน้ำมันออกมามากเกินความจำเป็น
5 ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
การรักษารอยดำรอยแดงจากสิวจำเป็นต้องใช้เวลา และความอดทนสูง ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นวิธีดูแลผิวควรทำอย่างไร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันเพื่อให้การรักษารอยสิวได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้ยาบางชนิดที่ใช้รักษารอยดำรอยแดงจากสิว จำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากยาบางชนิดสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดการระคายเคืองต่อผิวหนังลง
วันนี้ เราได้ความรู้หลายๆอย่าง เกี่ยวกับ รอยดำรอยแดงจากสิว นะคะ ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน หากท่านใด มีปัญหา รอยดำรอยแดงจากสิว กวนใจ สามารถเข้ามา ปรึกษา ตรวจผิว และทำการรักษา ได้ที่ ตรีชฎา-คลินิก จ.อุบลราชธานี นะคะ...รักษา รอยดำรอยแดงจากสิว คิดถึง เรา
วันนี้ ลาไปก่อน พบกันใหม่ บทความหน้า นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ🙏🙏🙏
ตรีชฎา-คลินิก คลินิกรักษาสิว จังหวัดอุบลราชธานี รักษาสิว ทุกชนิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ แพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ทรีทเม้นท์ ไอพีแอล เลเซอร์ คิดถึงเรา โทร 061-550-9396 LINE ID: @629inyrd
Share to Social Networks
บริการเว็บไซต์โดย 8columns.com